รีวิวหนัง : Sausage Party (2016)
แค่ไล่ดูชื่อทีมงานผู้สร้างอันประกอบไปด้วย Seth Rogen, Evan Goldberg และ Jonah Hill กลุ่มเพื่อนนักแสดงที่อยู่เบื้องหลังและเบื้องหน้างานตลกห่ามๆอย่าง This Is the End, The Interview และ Pineapple Express ก็น่าจะการันตีได้แล้วว่า “Sausage Party” แอนิเมชั่นไส้กรอกหนีตายในซูเปอร์มาร์เก็ตเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ และจงอย่าไปคิดว่าแอนิเมชั่นนี้จะมาแนวทางใสๆเด็ดขาด เพราะนี่เป็นแอนิเมชั่นเรท R ที่ใส่ความทราม ความรุนแรง ไว้คุ้มค่ากับเรทที่ได้มากยิ่งนัก ชนิดที่ตัวละครพูด Motherf*cker กันไฟแลบ เล่นมุกสัปดนกันสุดติ่งและเต็มไปด้วยฉากตลกสไตล์ ‘จัญไร’ (ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาอธิบายมุกตลกในเรื่องได้ชัดเจนได้เท่าคำนี้อีกแล้ว) ที่ทำเอาฮาและชวนอึ้งในความกล้าบ้าบิ่นของทีมงานผู้สร้างซะเหลือเกิน ยิ่งฉาก 10 นาทีสุดท้ายนี่นับเป็นอะไรที่หาดูไม่ได้ในแอนิเมชั่นค่ายยักษ์ใหญ่อื่นๆแน่นอนกับภาพ ‘มหกรรมความทราม’ ที่สนุกสนานจัญไรบ้าบอคอแตกเละเทะกันสุดๆ รีวิวหนังผี หนังสยองขวัญ
“Sausage Party” ไม่ใช่แค่มาเพื่อเน้นขายความตลกกับมุกเสื่อมทรามใต้สะดือ(และประตูหลัง) เพียงอย่างเดียว แต่ท่ามกลางความสนุกแบบจัญไรของมันยังแทรกเรื่องละเอียดอ่อนอย่างศาสนา เชื้อชาติ เพศ เซ็กส์ ความแตกต่างในสังคมเข้ามาได้อย่างกลมกลืน โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างทางสังคม ตัวละครอาหารประเภทต่างๆในซูเปอร์มาร์เก็ตล้วนถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มตามประเภทของตนและมีอคติกับกลุ่มอาหารประเภทอื่นๆ ทั้งการที่ Frank พยายามค้นหาความจริงของตำนานแห่งทวยเทพก็สะท้อนภาพของคนในสังคมที่มีบางกลุ่มพร้อมก้มหน้าเชื่ออะไรทุกอย่างตามที่มีคนบอกต่อๆกันมา เชื่อตามๆกันแบบไม่มีสงสัย กับคนอีกกลุ่มประเภท Frank ที่เมื่อเกิดความสงสัยเรื่องตำนานเทพ (ซึ่งในเรื่องคือมนุษย์ที่เข้าไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต) สิ่งที่เขาทำคือการออกไปค้นหาคำตอบด้วยการหาหลักฐานมายืนยันความคิด ซึ่งต่อมานำไปสู่การพยายามลบล้างความเชื่อเดิมๆของสหายร่วมซูเปอร์มาร์เก็ตที่ทำให้เราได้เห็นว่าการลบล้างกรอบความเชื่อเดิมๆของคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่หักดิบทำได้ง่ายๆ
สำหรับบุคลิกตัวละครต่างๆใน “Sausage Party” ก็ยังคงไม่พ้นบุคลิกกลุ่มตัวละครในงานชิ้นเก่าๆของ Seth Rogen กับผองเพื่อนและนั่นจึงเป็นที่มาของการได้เห็นภาพไส้กรอกมานั่งพี้กัญชากันเมามันส์ รวมถึงอีกสารพัดความเสื่อมทรามที่ตัวละครต่างๆแสดงให้เราได้เห็น
มองในแง่ความคิดสร้างสรรค์ แอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ถือว่ายังมีดีในตัว แม้การดำเนินเรื่องจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ก็ตามที แต่มันก็มีส่วนที่ทำให้เราคิดถึงวิธีนำเสนอแบบตัวละครเอกของหนัง ‘Deadpool’ อยู่หน่อยๆ ส่วนการเล่าเรื่องผ่านมุมมอง ‘อาหาร’ ที่มองมนุษย์เป็นเทพเจ้า แต่กลับมีพฤตกรรมเหมือนมนุษย์ก็ถือเป็นไอเดียที่เข้าท่า (เซ๊กส์ เมายา ปาร์ตี้)
Comments
Post a Comment