รีวิวหนังการ์ตูน

  ภาพยนตร์ไซด์สตอรี่ของไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนสร้างเสร็จก่อนการลอบวางเพลิงที่เกียวโตแอนิเมชันในเดือนกรกฎาคม แต่มันโดดเด่นในฐานะผลงานแอนิเมชั่นเกียวโตเรื่องแรกที่ออกฉายหลังจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้น ในเวลานั้นไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่ Violet Evergarden: Eternity and the Auto Memories Doll อาจเป็นเสมือนจดหมายของ Kyoto Animation ที่ส่งถึงคนทั้งโลกเกี่ยวกับประเภทของสตูดิโอและประเภทของคนที่ทำงานที่นั่น ในทางใดทางหนึ่ง มันเหมาะสมแล้วที่ภาพยนตร์ Violet Evergarden มีบทบาทเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากซีรีส์นี้เกี่ยวกับการย้ายออกจากโศกนาฏกรรม อย่างที่แฟนๆ จำได้จากซีรีส์ทางทีวี ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน ผู้มีชื่อในชื่อเดียวกันคือทหารผ่านศึกที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของเธอไป จากการทำงานเป็นตุ๊กตาที่เขียนและส่งจดหมายให้ผู้อื่น เธอเรียนรู้ที่จะเข้าใจอารมณ์ที่สามารถแสดงออกมาทางคำพูดและทำใจกับความรู้สึกสูญเสียของเธอเอง ภาพยนตร์ไซด์สตอรี่นี้ดำเนินเรื่องแบบไม่มีกำหนดหลังจากซีรีส์ทางทีวี เนื่องจากผลลัพธ์ของการพัฒนาตัวละครของไวโอเล็ตสามารถเห็นได้จากการที่เธออุ้มชูตัวเองและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นตลอดทั้งเรื่อง ภาพยนต...

  “Maya the Bee Movie” เป็นเรื่องเกี่ยวกับผึ้งตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในโลกที่ทุกคนปฏิเสธว่า “ผึ้งไม่ได้ฝัน!” “ผึ้งเป็นเด็กดีที่ทำตามที่เธอบอก!” “ผึ้งไม่ทำตัวแบบนั้น!” แม้ว่าเธอจะไม่เข้ากับมันได้ในตอนแรก แต่เธอก็จะเปิดตาของเพื่อนผึ้งให้มองเห็นทุกสิ่งที่พวกเขาขาดหายไป เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความสุข และความสนิทสนมกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้แหวกแนว แต่ข้อความที่เรียบง่ายและน่ารักจะทำให้ผู้ชมอายุน้อยสนใจ ทุกวันนี้เป็นเรื่องยากที่จะติดตามชมภาพยนตร์เรต G แต่ “Maya the Bee Movie” คือเรื่องหนึ่งที่มีโครงเรื่องที่ตรงไปตรงมาและธีมที่ไม่ซับซ้อนซึ่งน่าจะเหมาะกับผู้ชมวัยเตาะแตะขึ้นไป ภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือเด็กภาษาเยอรมันที่ตีพิมพ์เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว โฟกัสไปที่ผึ้งสาวมายา (ให้เสียงโดยโคโค่ แจ็ค กิลลีส์) ซึ่งเริ่มถามคำถามแทบจะทันทีหลังจากที่มันฟักออกจากไข่ ทำไมผึ้งถึงฝันไม่ได้? ลูกกลมสีทองขนาดใหญ่บนท้องฟ้าคืออะไร? ทำไมผึ้งถึงสนุกไม่ได้? เธอต้องการคำตอบ แต่เธอยังเด็กมาก (และบอกเป็นนัยว่าไม่สำคัญ) ที่เธอไม่รู้แม้แต่ชื่อของตัวเองจนกระทั่งผ่านไปประมาณ 20 นาทีในภาพยนตร์เรื่องนี้ ดูเหมือนผึ้งทั้งหลเ...

  สำหรับเด็กนักเรียนในหมู่บ้านบนภูเขาที่มีแอนิเมชั่นเรื่อง Snowtime! เปิดฉากขึ้น ช่วงหยุดฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาแห่งเกมสงคราม เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือยอมจำนนต่อความเบื่อหน่าย โชคดีที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ยอมจำนนต่อความยุ่งวุ่นวายที่ขับเคลื่อนคุณสมบัติแอนิเมชั่นมากมาย ผู้กำกับ Jean-François Pouliot ไม่กลัวความนิ่งเงียบหรือความเงียบงันหรือช่วงเวลาที่เจ็บปวด แม้แต่ในขณะที่เขาชักเรื่องไร้สาระออกมามากมายเช่นกัน อารมณ์ขันและความกวนตีนของภาพยนตร์เรื่องนี้มุ่งเป้าไปที่ผู้ชมในกลุ่มอายุ 6-10 ปี การผายลมของสุนัขและการหยุดทำงานของสมองทำให้ได้รับส่วนแบ่งจากเวลาหน้าจอ แต่ตามธรรมเนียมของอาหารคลาสสิกของครอบครัว เรื่องราวยังให้บทเรียนชีวิตที่ทำให้เสียสติอย่างคาดไม่ถึงภาพยนตร์รีเมคของ La Guerre des Tuques (The Dog Who Stop the War) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันของเด็กๆ ชาวฝรั่งเศส-แคนาดา ซึ่งติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิศของแคนาดาในปี 1984 Snowtime! นำเสนอโครงร่างภาพย้อนอดีตที่น่าดึงดูดและงานเสียงที่มีชีวิตชีวาจากนักแสดงที่นำโดย Sandra Oh และดาราดิสนีย์แชนแนล Ross Lynch ฉายในซันแดนซ์ก่อนวันที่ 19 ก.พ. การแสดงละ...

  ฟีเจอร์ที่ห้าจากสตูดิโอแอนิเมชั่นสต็อปโมชั่น Laika (Coraline, Kubo and the Two Strings) คือการแยกส่วนลัทธิล่าอาณานิคมของอังกฤษอย่างเฉียบแหลมและว่องไว เซอร์ ไลโอเนล ฟรอสต์ (ฮิวจ์ แจ็คแมน) นักสำรวจชาววิกตอเรียออกตามหาบิ๊กฟุตในตำนาน (แซค กาลิเฟียนาคิส) ซึ่งเป็นบิ๊กฟุตลายมาร์ซิปันที่มีพื้นผิวคล้ายกับลูกสนขนาดยักษ์ที่มีจมูกของลิงและรอยยิ้มที่น่ารักของมนุษย์ บิ๊กไซส์พูดได้ (และเขียนได้!) ใช้ชื่อซูซาน และปรารถนาเพียงให้พาไปแชงกรี-ลาเพื่อพบกับลูกพี่ลูกน้องเยติอีกครั้ง แรงจูงใจของฟรอสต์นั้นเห็นแก่ตัว เขาเพียงต้องการเข้าร่วมคลับของสมาชิกภายใต้ความเมตตาของลอร์ด พิกก็อท-ดันเซบี (สตีเฟน ฟราย) อเดลินา (โซอี้ ซัลดานา)  คนรักเก่าของเขาเป็นทั้งเพื่อนร่วมเดินทางและนักการศึกษา โดยวิจารณ์การเยาะเย้ยของเขา ทัศนคติแบบชาวอาณานิคมที่มีต่อเพื่อนใหม่ของพวกเขา (“คุณแหย่เขาด้วยไม้ของคุณ เรียกชื่อเขา บอกว่าเขาได้กลิ่น และปฏิบัติต่อเขาเหมือนทาสของคุณ! ”) ที่น่าพึงพอใจยิ่งกว่านั้นคือเมื่อ Piggot-Dunceby ปีนขึ้นไปบนโต๊ะ สวมรองเท้า และอุทานอย่างภาคภูมิใจว่า “เราสอนมารยาทบนโต๊ะอาหารแบบอังกฤษให้กับคนป่าเถื่อน...

  ภาพยนตร์บาร์บี้ไลฟ์แอ็กชันที่กำกับโดยเกรตา เกอร์วิกและนำแสดงโดยมาร์โกต์ ร็อบบี้กำลังจะเข้าฉายแล้ว ในขณะเดียวกันก็มีสิ่งนี้: ฟีเจอร์แอนิเมชั่นที่ 39 สำหรับตุ๊กตาแฟชั่นที่มีสัดส่วนที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ และคุณคิดว่า Rocky มีภาคต่อมากมาย ตั้งแต่ปี 2544 เมื่อ Mattel ค้นพบแฟรนไชส์ภาพยนตร์แอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรกที่สามารถใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายตุ๊กตาได้ บาร์บี้ว่ายน้ำกับโลมา เข้าร่วมทีมสายลับ และมี "การผจญภัยของเจ้าหญิง" มากกว่าเมแกน มาร์เคิลในการเดินป่า ครั้งนี้ เธอออกจากบ้านมาลิบูดรีมเฮาส์เพื่อไปใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่โปรแกรมศิลปะการแสดงในนิวยอร์ค และไม่ทันไรที่แท็กซี่สีเหลืองของเธอได้ข้ามแม่น้ำฮัดสัน เธอก็กลายเป็นเพื่อนกันตลอดไป เพื่อนใหม่หลักของเธอคือเนื้อคู่ของบาร์บี้ ยกเว้นสีผิวและทรงผม เนื่องจากพวกเขามีชื่อเหมือนกัน (“มันคือโชคชะตาของจักรวาล!”) พวกเขาจึงตัดสินใจไปตามชื่อเล่นในบ้านเกิด ใช่แล้ว Brooklyn Barbie มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านค้าปลีกของเล่นชั้นดีทุกแห่ง จากนั้น “มาลิบู” และ “บรู๊คลิน” ก็เตรียมตัวขึ้นแสดงในช่วงท้ายของภาคเรียน โดยได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อยจากนักศึกษ...

 มีบางอย่างเกี่ยวกับแอนิเมชั่นสต็อปโมชั่นเป็นสื่อ - บางทีคุณภาพของการเคลื่อนไหวที่ขาด ๆ หาย ๆ และเซถลา - ซึ่งดูเหมือนจะยืมตัวเองไปสู่เรื่องราวที่มีซากศพที่ฟื้นคืนชีพ ตั้งแต่กองทัพโครงกระดูกของเรย์ แฮร์รีเฮาเซน ไปจนถึง Frankenweenie และ Corpse Bride ของทิม เบอร์ตัน และตอนนี้ผู้กำกับเรื่อง Wendell & Wild ของผู้กำกับ Henry Selick: ทั้งหมดนี้นำเสนอคนตายในหลายๆ ขั้นตอนของการสลายตัว การคุ้ยเขี่ยไปรอบๆ ในกรณีนี้ คนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยการเข้าไปยุ่งของปีศาจบาร์นี้คู่หนึ่ง ซึ่งให้เสียงโดยคีแกน-ไมเคิล คีย์และจอร์แดน พีล (ผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้) พร้อมกับหลอดแฮร์โทนิคสุดนรก สุนทรียศาสตร์มีบางอย่างมาจากกองกำลังมืด DayGlo ที่น่าสยดสยองของภาค Oogie Boogie ของ Selick และ The Nightmare Before Christmas ของ Selick และ Burton; เรื่องราวมีความซับซ้อน แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่น่าสยดสยอง ในการต่อต้านการครอบงำขององค์กรดังกล่าว ตัวภาพยนตร์เองเป็นการเฉลิมฉลองอย่างครึกโครมให้กับกลุ่มผู้ถูกขับไล่ นับตั้งแต่วินาทีที่ Kat ดัดแปลงชุดนักเรียนคาทอลิกใหม่ของเธอด้วยเครื่องราชกกุธภัณฑ์พังก์ — ถ่ายทำเห...

  Marmaduke เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นการ์ตูนแนวหนังสือพิมพ์ในปี 1954 และแม้ว่าฉันแน่ใจว่าการผจญภัยของ Great Dane นั้นได้รับความนิยมจากหลายๆในปี 2010 ผู้กำกับ Tom Dey (Failure to Launch) ได้สร้างภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่มีสุนัขล่าเนื้อขนาดมหึมา โดยมี Owen Wilson เป็นผู้ให้เสียงตัวละครนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ล้มเหลวโดยนักวิจารณ์ภาพยนตร์คนหนึ่งเรียกมันว่า "ขยะล้นหลาม" เมื่อเปรียบเทียบกับภาพยนตร์สุนัขพูดได้เรื่องอื่น ๆ รวมถึง Beverly Hills Chihuahua ที่ขี้เซา ในความเป็นจริง ภาพยนตร์ที่มีสุนัขพูดได้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจว่าทำไมพวกเขาถึงสร้างมันขึ้นมามากมาย แน่นอนว่าผู้บริหารของสตูดิโออาจจะบอกว่าพวกเขาทำเพื่อเด็กๆ แต่นี่เป็นข้อแก้ตัวเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการผลิต doggy flops (plops) จำนวนมากที่จบลงบนหน้าจอทีวีของเราและนี่คืออีกครั้งกับ Marmaduke รอบที่สองสำหรับเกรทเดนผู้น่ารัก ครั้งนี้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเต็มรูปแบบและนั่นอาจช่วยบรรเทาสำหรับผู้ที่เบื่อที่จะเห็นสัตว์จริง ๆ ขบวนพาเหรดบนหน้าจอเพื่อความบันเทิงของเรา แต่มันดีหรือไม่? สรุป ไม่! รีวิวหนังแอคชั่น หนังบู๊มันๆ...

  สำหรับวีรบุรุษและวีรสตรีวัยเยาว์ในนิทานที่มีมนต์ขลังอ่อนโยนโดยสตูดิโอแอนิเมชั่นสัญชาติไอริช Cartoon Saloon การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขาจะพาพวกเขาเข้าไปข้างใน ควบคู่กับงานฝีมืออันน่าทึ่งที่จัดแสดง สถานการณ์ของตัวละครของพวกเขามีความสมบูรณ์อย่างแท้จริงซึ่งทำให้คุณลักษณะของสตูดิโอแตกต่างจากอาหารที่เหมาะสำหรับครอบครัวของชาวตะวันตกส่วนใหญ่ Cartoon Saloon ของขวัญชิ้นล่าสุดที่ปลอบประโลมจิตใจและเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์สู่โลกใบนี้ “My Father’s Dragon” จากผู้กำกับ Nora Twomey และผู้เขียนบทภาพยนตร์ Meg LeFauve (“Inside Out”) ฟื้นคืนชีวิตให้กับนวนิยายสำหรับเด็กปี 1948 ที่มีชื่อเดียวกันโดย Ruth Stiles Gannett เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กผู้กล้าหาญและมังกรหนุ่มในการผจญภัยที่เต็มไปด้วยบทเรียนเกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณ์ที่นำเสนอผ่านสถานการณ์ในจินตนาการ เหมาะสำหรับผู้ชมอายุน้อยมากกว่าผลงานการกำกับเรื่องแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ของทูมีย์เรื่อง “The Breadwinner” เกี่ยวกับเด็กหญิงอายุ 11 ปีในอัฟกานิสถานระหว่างการปกครองของตาลีบัน “My Father’s Dragon” ต่อสู้กับความกลัวที่ทำให้เป็นอัมพาตหรื...

 ตั้งแต่เราได้ตัวอย่างแรกของเราเมื่อปีที่แล้ว Steven Universe: The Movie ก็ถูกพูดถึงและตั้งทฤษฎีตราบเท่าที่รู้ว่ามีอยู่จริง ตัวฉันเองมีส่วนร่วมในการสร้างทฤษฎีนี้ และหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ฉันก็พบว่าฉันคิดผิด โอ้ดีมาพูดถึงเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้กัน ในอีกสองปีข้างหน้า สตีเวนใช้เวลานั้นในโฮมเวิร์ลเพื่อสวมบทบาทเป็นเพชรสีชมพู แต่เขากระตือรือร้นที่จะกลับบ้านที่โลก แม้ว่าไดมอนด์จะขอร้องให้เขาอยู่ต่อก็ตาม เมื่อมาถึงโลก หัวฉีดขนาดยักษ์พุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ และพร้อมกับอัญมณีใหม่ อัญมณีสีชมพูชั่วร้ายที่ชื่อว่า Spinel สปิเนลอยู่ที่นี่บนโลกเพื่อฆ่าสตีเวนและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก  โดยใช้หัวฉีดขนาดยักษ์ของเธอฉีดพิษชีวภาพลงบนพื้นซึ่งคร่าชีวิตทุกชีวิตรอบตัวมันอย่างช้าๆ Garnet, Amethyst, Pearl และ Steven ถูกรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานทั้งหมด และด้วยความโกรธ Steven คนเดียวที่ยังคงยืนอยู่แต่ไม่มีพลังใดๆ เลย รีเซ็ต Spinel เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานโดยใช้เคียวที่เธอมี ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับสตีเว่นแล้วที่จะฟื้นฟูความทรงจำของ Ruby, Sapphire, Pearl, Amethyst และ Spinel ให้กลับมาเป็นปกติเพื่อให้...

  ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลในความสวยงามนี้หากจินตนาการบ้าๆบอ ๆ จากประเทศจีน การผสมผสานระหว่างแอนิเมชั่นที่วาดด้วยมือและดิจิทัลนั้นงดงามมาก เกือบจะดีพอๆ กับ Studio Ghibli แต่การดูมันรู้สึกเหมือนกำลังสอดแนมความฝันของคนอื่น เรื่องราวคดเคี้ยวและเดินเตร่พาเราไปสู่เที่ยวบินแฟนซีโดยไม่สนใจพล็อตหรือตรรกะที่ยุ่งเหยิง ฉากหลังเป็นโลกคู่ขนานใต้มหาสมุทรของเรา ซึ่งสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เรียกว่า อื่นๆ ควบคุมความสมดุลของธรรมชาติบนโลก ชุนวัยรุ่นสามารถทำให้พืชเติบโตได้ด้วยการคลิกนิ้วของเธอ คุณปู่ของเธอซึ่งเป็นเพื่อนที่เหมือนพระเจ้าสไตล์ฮิปสเตอร์ที่มีผมสีขาวและคิ้วที่พริ้วไหวเป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อชุนถูกส่งมายังโลก – ในรูปของปลาโลมาสีแดงอย่างลึกลับ – เธอตกหลุมรักกับเด็กผู้ชายที่จมน้ำซึ่งช่วยเธอจากอวนจับปลา กลับบ้านพร้อมกับคนอื่นๆ ชุนยอมแลกครึ่งชีวิตของเธอกับ Keeper of Souls ตาเดียวเพื่อชุบชีวิตเด็กชายที่เป็นมนุษย์ ตอนนี้เขาเป็นปลาวาฬยาวสองนิ้วที่เธอต้องเลี้ยงดูจนโตเต็มวัย ภาพยนตร์ได้รับคนแปลกหน้าจากที่นี่เท่านั้น ลองนึกภาพเงือกน้อยเดินสวนทางกับ Spirited Away และเติมพลังจรวดด้วยน้ำบ่อง แล้วคุณก็มาถึงครึ่งทา...

  "เคลาส์" เจ้าเล่ห์และมีเสน่ห์น่าจะเล่นได้ดีกว่านี้หากคุณไม่รู้ว่านี่คือเรื่องราวต้นกำเนิดของซานตาคลอส เกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อพิจารณาจากชื่อเรื่อง เคล็ดลับ ตัวอย่าง และทุกอย่างเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ แต่คุณใช้ความสุขของคุณในที่ที่คุณทำได้ Jason Schwartzman ให้เสียงของฮีโร่ Jesper ทายาทที่เสียไปของครอบครัวที่มีอำนาจทางการเมือง เราพบเขาครั้งแรกขณะที่เขากำลังพักผ่อนอยู่ที่สถาบันไปรษณีย์ในประเทศแถบยุโรปที่คลุมเครือ โดยคิดว่าเขาสามารถผ่อนคลายได้จนกว่าเขาจะผ่านและถูกผลักเข้าสู่โลก ซึ่งเขาจะพึ่งพาเงินของครอบครัวและความสัมพันธ์ แทนที่จะเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายที่จะทำให้เขาสนใจ อืม อะไรก็ได้ สถาบันมอบหมายให้เจสเปอร์ไปยังเมืองเกาะอันห่างไกลอย่างสมีเรนส์บวร์ก ซึ่งไม่ได้ส่งหรือรับจดหมายมานานหลายปี และเต็มไปด้วยสงครามกลางเมืองที่ก่อตัวขึ้นระหว่างกลุ่มชน พลเมืองทำลายทรัพย์สินของกันและกันด้วยวิธีที่ดุเดือดและไร้สาระที่ทำให้นึกถึงกางเกงขาสั้นของ Looney Tunes โดยบรรยายว่าส่วนแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้คุ้นเคยพอๆ กับส่วนอื่นๆ แต่ความเป็นลางร้ายที่โง่เขลานั้นชวนให้หลงใหล และชวาร์ตษ์แมนก็น่าดึงดูด...